ความยาว : 2 ชั่วโมง 27 นาที
ชื่อเรื่อง : Jurassic World Dominion
วันที่ฉาย : 8 มิถุนายน 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
แนว : แอคชั่น , ผจญภัย , ลุ้นระทึก
ระบบเสียง : พากย์ไทยและซับไทย
ช่องทางการรับชม : ทุกโรงภาพยนตร์ คะแนน : 7/10
Jurassic World : Dominion เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 4 ปีหลังจากที่ อิสลาร์ นูบลาร์ ถูกทำลาย ตอนนี้ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่และออกล่า ไปพร้อมกับมนุษย์ทั่วโลก ก่อกำเนิดเป็นโลกยุคใหม่ สร้างสมดุลอันเปราะบางนี้จะเปลี่ยนโฉมอนาคตและตัดสินว่า มนุษย์จะยังคงเป็นผู้ล่าที่อยู่ลำดับปลายสุดบนดวงดาว และยังคงอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์
นี่คือการปิดไตรภาค จูราสสิค เวิลด์ อย่างเป็นทางการ ที่ถือว่าเป็นเสมือนการเปิดงานเลี้ยงร่ำลาคืนสู่เหย้า เพราะคุณจะได้เห็นทีมนักแสดงทั้งศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่ากลับมารวมตัวกันในหนังเรื่องนี้เรื่องเดียวแบบจุใจ และเป็นการปิดฉากที่เต็มไปด้วยความถวิลหาหนังแฟรนไชส์ ทั้ง 5 ภาคที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา บรรยากาศกลับมาเป็นวังวนในเรื่องนี้เต็มไปหมด พร้อมกับการหยอดไดโนเสารพันธุ์ ๆ เข้ามาชวนตื่นตาตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ดูเหมือนว่า...ทั้งหมดก็มีอยู่แค่นั้น
ก็คงจะต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า Jurassic World: Dominion เป็นการปิดฉากไตรภาคที่ทำให้รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้เลยก็ตาม แต่ปรากฏว่านี่เป็นบทสรุปไตรภาคของ จูราสสิก เวิลด์ ที่ช่างกระด้างกระเดื่อง วนซ้ำอยู่กับมุกเก่า ๆ ที่นำกลับมารียูสและหากินซ้ำ กับไอเดียในคอนเซ็ปต์ของหนังภาคนี้ที่น่าสนใจ แต่กลับนำเสนอออกมาได้ค่อนข้างล้มเหลวและไปไม่ถึงดวงดาว
ไม่รู้ว่าผู้กำกับ "โคลิน เทรวอร์โรว์" ที่อยู่กับแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้มาตลอดช่วงเวลาที่ผ่าน เขาเกิดอาการหมดมุกหรือไม่ เพราะสิ่งที่ออกมาใน Jurassic World: Dominion กลายเป็นตอนจบที่ไม่ได้งดงามสักเท่าไหร่ เพราะเนื้อในของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างสะเปะสะปะและซ้ำซากจำเจอยู่ทุกหย่อมหญ้า สารภาพตรง ๆ ว่านี่เป็นหนังที่สร้างความบันเทิงและความเอ็นจอยให้คนดูได้อยู่แล้ว เพียงแต่มันกลายเป็นสิ่งเดิม ๆ ที่เคยเห็นมาก่อน และไม่มีที่ทำให้คนดูรู้สึกประหลาดใจได้เลย
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า คอนเซ็ปต์ของหนังที่ปูเรื่องบนแนวคิดที่ว่า คนกับไดโนเสาร์จะอยู่ร่วมกันได้เช่นไร นับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก แต่ปรากฏว่าหนังแตะต้องประเด็นนี้เพียงแค่ผิวเผิน แบบผิวเผินมาก ๆ จนน่าแปลกใจที่หนังตั้งใจแตะต้องเพียงแค่นี้จริง ๆ หรือ และกลับไปเน้นการเล่าเรื่องแบบซ้ำเดิม ที่เคยเห็นมาแล้วจากหนังทั้ง 5 ภาคที่ผ่านมา พร้อมกับโครงเรื่องกับไดอะล็อกที่พยายามยัดเยียดไปสักหน่อย แต่ยังดีที่โครงสร้างของหนังเรื่องนี้ยังพอถูไถให้ดูสนุกได้อยู่ในตัวเอง
และเมื่อโดยรวมของทีมนักแสดงมาอยู่บนหนังเรื่องเดียวกัน แน่นอนว่าการแสดงของพวกเขามีส่วนช่วยพยุงทั้งเรื่องเอาไว้ได้ดีเลย เพียงแต่เสน่ห์ของแต่ละคาแรกเตอร์ถูกนำมากองรวมไว้จนแน่นจอ กลายเป็นการบดบังเสน่ห์ของกันและกันไปอย่างน่าเสียดาย แม้กระทั้งเสน่ห์ของตัวละครไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่าง ๆ ของ Jurassic World: Dominion ที่ยังสัมผัสได้เลยว่า พวกเขาลดเสน่ห์ของพวกมันลงไปอย่างน่าประหลาด
แม้ว่าหนังจะใส่ไดโนเสาร์พันธุ์น่าตื่นตาตื่นใจเอาไว้มากมาย แต่การเล่าเรื่องและการหยอดใส่เข้ามาแบบโต้ง ๆ กับจังหวะจุดขายเดิม ๆ กลับไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกว้าวอีกต่อไป แต่หากว่าคุณมีความสนใจและมีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องสายพันธุ์ไดโนเสาร์ต่าง ๆ อยู่แล้ว การดูหนังเรื่องนี้ของคุณน่าจะช่วยให้อินเพิ่มขึ้นได้มากกว่าหน่อย
เอาเป็นว่าโดยสรุปแล้วนั้น Jurassic World: Dominion ค่อนข้างน่าผิดหวังไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับว่าเป็นหนังที่แย่ เพียงแต่ว่าหนังไม่สามารถทำได้ถึงจุดที่เคยทำได้ถึงมาก่อน กลายเป็นงานหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ที่รสชาติออกจะจืดไปหน่อย มีฉากแอคชั่นเดือดดาลและสนุกดี แต่กลับจับประเด็นได้เพียงแค่ผิวเผิน พลอยทำให้ตลอด 2 ชั่วโมงนิด ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น...ไร้สิ่งที่น่าจดจำ และกลายเป็นเพียงหนังที่ดูจบแล้ว ก็กองทิ้งเอาไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินไปที่อื่น...
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : รีวิวหนัง
ติดตามเนื้อเรื่องอื่น ๆ : รีวิวหนังภาพยนตร์
อ่านเพิ่มเติม : รีวิวหนังดัง