Ghostbusters : ปลุกพลังล่าท้าผี เหมือนภาค 3 มากกว่าเวอร์ชั่นผู้หญิง แต่ก็ยังไม่ค่อยน่าประทับใจ
ชื่อเรื่อง : GHOSTBUSTERS
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : วิทยาศาสตร์ / ตลก / สยองขวัญ
ผู้กำกับ : Paul Feig
นักแสดง : Carrie Coon,Paul Rudd
ค่าย : Columbia Pictures (Sony)
เรตติ้ง : 7.3
จำนวนตอน : 2.04 ชั่วโมง
รีวิวหนัง "GHOSTBUSTERS" การสานต่อภาพยนตร์แนว POP CULTURE ให้กลับมาบูมอีกครั้ง เมื่อ 37 ปีที่แล้วมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจากใช้ที่มีชื่อว่าแดน แอครอยด์ที่ต้องการจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาในวงการบันเทิงได้ออกฉายและมันก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประคองเจอมาจนถึงทุกวันนี้ มีทั้งภาพยนตร์ อนิเมชั่น และสินค้ามากมายที่มีภาพยนตร์เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในสื่อเหล่านั้นและมักจะถูกนำเอามาอ้างอิงอยู่เสมอนั่นก็คือภาพยนตร์ "GHOSTBUSTERS" นั่นเอง
มันเป็นภาพยนตร์ที่อยู่มาอย่างยาวนานและประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะออกภาคต่อมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม และที่สำคัญถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะคงกลิ่นอายแบบเดิม ๆ เอาไว้แต่มันก็สามารถสร้างความชื่นชอบให้กับเหล่าแฟนคลับได้เป็นอย่างดี
นั่นก็เป็นเพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างครบรสไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนาน การเล่าถึงเรื่องราวความรักและมิตรภาพในความสัมพันธ์ ความสยดสยองของสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกเรื่องประเด็นความเชื่อและการบูลลี่เข้ามาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
นั่นก็เป็นเพราะว่าในสังคมนั้นมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อว่าสิ่งเหนือธรรมชาติมีอยู่ และคนที่ไม่เชื่อก็มองว่าบริษัทกำจัดผีนั้นเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนบ๊องที่ดูเหมือนจะไม่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้ เพราะต่อให้มีสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติจริงพวกเขานั้นก็ดูไม่เอาไหนจนไม่น่าจะฝากชีวิตไว้ด้วยอยู่แล้ว
ในครั้งนี้พวกเขาได้กลับมาอีกครั้งเพื่อสานต่อวัฒนธรรม POP CULTURE ให้กลับมาบูมอีกครั้ง และแน่นอนว่าการกลับมาในครั้งนี้ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างยอดเยี่ยมและกลายเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ว่าในช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จนทำให้การรับชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์นั้นไม่คึกครื้นเหมือนแต่ก่อนก็ตาม และวันนี้เราจะพาทุกคนไปหวนรำลึกอดีตพร้อมกับการรับชมภาพยนตร์ภาคใหม่ของเหล่าบริษัทกำจัดผีกัน
"GHOSTBUSTERS" เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของผู้ที่เป็นสมาชิกในทีมบริษัทกำจัดผีดั้งเดิมได้เสียชีวิตลงไป เขาได้ทิ้งมรดกเอาไว้ให้กับแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างคัลลี ที่ตอนนี้มีลูกชายคนโตชื่อเทรเวอร์และลูกสาวคนเล็กอย่างฟีบีที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้วิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ครอบครัวดังกล่าวจึงได้เดินทางบินลัดฟ้ามายังเมืองโอคลาโฮมา แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคือมรดกที่ต้องทำให้อ้าปากค้างเพราะมันเป็นบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง และฟาร์มที่เต็มไปด้วยดินไม่มีพืชผลเลยแม้แต่น้อย
ลูกสาวคนเล็กอย่างฟีบีเป็นคนที่ค้นพบว่าตาของเธอนั้นคืออีกอน สแปงเลอร์ ชายผู้ขนอาวุธต่างๆ สำหรับการต่อกรกับปีศาจร้ายที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ และเมื่อปีศาจร้ายออกมาอาละวาดเธอก็ได้รวบรวมของเพื่อนและพี่ชายออกไปต่อสู้ตามประสาเด็กๆ ในขณะเดียวกันเองผู้เป็นแม่ก็กำลังออกเดทกับครูของเธออย่างกรูเบอร์สัน
หากใครเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะจำได้ดีกับปีศาจคู่ปรับมาอย่างยาวนานของบริษัทกำจัดผีในภาคแรกและในภาคนี้มันได้กลับมาอีกครั้ง มันได้กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยปลดล็อคความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นแฟ้นและสามัคคีกันมากยิ่งขึ้น สุดท้ายแล้วครอบครัวนี้จะสามารถกำจัดวิญญาณร้ายที่เป็นศัตรูกับบริษัทกำจัดผีมาอย่างช้านานได้หรือไม่ต้องติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
37 ปีก่อนใครจะคิดว่า "Ghostbusters" หรือ "บริษัทกำจัดผี" หนังจากมันสมองของ "แดน แอครอยด์" (Dan Aykroyd) จะกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของป๊อปคัลเจอร์อย่างทุกวันนี้ เพราะนอกเหนือจากหนัง แอนิเมชันซีรีส์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมากมายแล้วมันยังถูกนำมาอ้างอิงและปรากฎตัวในหนังและซีรีส์ที่พูดถึงยุค 80s ได้แบบที่ยากที่จะมีหนังเรื่องไหนที่ยืนหยัดอยู่เหนือกาลเวลาขนาดนี้
และหลังจากภาคต่อปี 1989 และการรีบูตที่ผิดกลิ่นสุด ๆ ในปี 2016 ของ "พอล ฟีก" (Paul Feig) ก็ได้เวลาที่ "เจสัน ไรต์แมน" (Jason Reitman) ผู้กำกับหนังอินดีมือรางวัลลูกชายแท้ ๆ ของ "ไอวาน ไรต์แมน" (Ivan Reitman) จะสานต่อมรดกและรับความคาดหวังของแฟน ๆ ทั่วโลกมาพิสูจน์ฝีมือในหนังแฟนตาซีที่เจ้าตัวไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำนัก
เรื่องราวของหนังจะเริ่มต้นที่ใครคนหนึ่งในทีมบริษัทกำจัดผีเดิมเสียชีวิตและทิ้งมรดกไว้ให้แก่ "คัลลี" (รับบทโดย แครี คูน Carrie Coon) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว "เทรเวอร์" (รับบทโดยฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด Finn Wolfhard) ลูกชายคนโต และ "ฟีบี" (รับบทโดย "แม็กเคนนา เกรซ" (Mckenna Grace) ลูกสาวคนเล็กที่คลั่งไคล้วิทยาศาสตร์ จนพวกเขาต้องเดินทางไปยังโอคลาโฺฮมาเพื่อพบว่ามรดกที่ได้คือบ้านเก่า ๆ และฟาร์มที่มีแต่ดินไร้พืชผลใด ๆ
และเป็นฟีบีที่ได้ค้นพบว่าคุณตาของเธอคือ อีกอน สแปงเลอร์ ที่ได้ขนสรรพวุธต่าง ๆ ไว้เตรียมต่อกรกับโกเซอร์ปีศาจร้ายที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ของเธอ และเมื่อเหล่าผีร้ายออกอาละวาดฟีบีก็ได้เวลารวมพลพี่ชายและเพื่อน ๆ ของเธอเพื่อต่อกรกับปีศาจร้าย และในขณะเดียวกันคัลลีก็เริ่มออกเดตกับ "กรูเบอร์สัน" (รับบทโดย พอล รัดด์ Paul Rudd) ครูของฟีบี
หนึ่งในความยากประการสำคัญในการทำหนังอย่าง "Ghostbusters" คงหนีไม่พ้นชื่อเสียงและฐานแฟนคลับที่หนังได้สร้างมาต่อเนื่องเกือบ 4 ทศวรรษ และยิ่งมีภาพจำหลาย ๆ อย่างเช่นชุดปฏิบัติการของสมาชิกบริษัทกำจัดผี รถเอ็คโตวัน กับดักผี กระทั่งผีต่าง ๆ ที่ปรากฎในหนังภาคแรกโดยเฉพาะผีสไลม์และมาร์ชเมลโลแมน ที่เห็นปุ๊บจะต้องนึกถึงบริษัทกำจัดผีปั๊บ
แต่กระนั้นก็ไม่น่าเชื่อว่า "เจสัน ไรต์แมน" กลับสามารถผสมผสานระหว่างไอคอนจากหนังต้นฉบับให้มาอยู่ในธีมเรื่องที่เอาดราม่าครอบครัวที่เป็นลายเซ็นของเขาได้อย่างลงตัว โดยเราจะเห็นตัวละครที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัววิ่นแหว่งอย่างคัลลีที่มีปมทั้งสามีและพ่อแท้ ๆ ทิ้งไปจนเธอไม่อาจเข้าใจและเป็นห่วงฟีบีลูกสาวคลั่งวิทยาศาสตร์ของเธอที่เดินตามรอยคุณตาเป๊ะแทบทุกกระเบียดนิ้วเพราะกลัวจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ก็สามารถสานต่อเรื่องราวกับหนังต้นฉบับได้อย่างเนียนสนิทโดยไม่เสียความเป็นตัวเอง
และเมื่อเหตุการณ์พาตัวละครมาเจอกับปีศาจคู่ปรับเก่าของเหล่าบริษัทกำจัดผีภาคแรกและกลายเป็นการปลดล็อกความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ครบถ้วนทั้งความเป็นหนังไซไฟตลกและยังมีดราม่าครอบครัวที่เวิร์กมาก ๆ ก็ยิ่งทำให้ "Ghostbuster Afterlife" อยู่เหนือการเป็นเพียงหนังแฟนเซอร์วิสธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง
และถ้าหาก "Ghostbusters" ฉบับปี 2016 เคยมีปัญหาเรื่องแฟน ๆ หนังต้นฉบับสาบส่งที่หนังพยายามจะใส่ความเป็นสาวห่ามแบบพอล ฟีกจนเกินงาม ในหนังเรื่องนี้ก็แก้ปัญหาด้วยการรีบูตเครื่องให้คนที่รับมรดกต่อเป็นลูกหลานของสมาชิกเก่าได้อย่างชาญฉลาด โดยได้การตีความของแม็กเคนนา เกรซ นักแสดงดาวรุ่งจากหนัง "I,Tonya" ก็ทำให้ตัวละครฟีบีเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมองและบทก็ยังเก็บรายละเอียดมุกแนววิทยาศาสตร์เหมือนในหนังต้นฉบับมาให้เธอถ่ายทอดความเนิร์ดได้อย่างน่ารักน่าชังอีกด้วย
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : รีวิวหนัง
ติดตามเนื้อเรื่องอื่น ๆ : รีวิวหนังภาพยนตร์
อ่านเพิ่มเติม : รีวิวหนังดัง